สัญญาเช่ารถยนต์ของโตโยต้าเรนท์อะคาร์
เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
1 (เกี่ยวกับนโยบายนี้)
นโยบายนี้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างบริษัทโตโยต้ามอเตอร์
และบริษัทของเราซึ่งเป็นร้านรถเช่าโตโยต้าได้ลงนามในข้อตกลงแฟรนไชส์การใช้งานของโตโยต้า
(ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่าสาขาเช่ารถโตโยต้า)ข้อกำหนดนี้ใช้บังคับเมื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่า
(รวมถึงผู้ที่สมัครทำสัญญาเช่า) และผู้ขับขี่ (เรียกรวมกันว่า "ผู้ใช้") ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้เช่ารถ
บริษัทของเราจะรับผิดชอบในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
ในฐานะผู้ดูแลข้อมูล สำหรับรายละเอียดการติดต่อของบริษัท กรุณาดูที่ข้อ 9 ด้านล่างนี้
2 (ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับ)
สำหรับการให้บริการรถเช่า บริษัทเราจะเก็บรวบรวม
และจัดการข้อมูลส่วนบุคคลต่อไปนี้จากผู้ใช้บริการ
ทั้งทางตรงหรือผ่านทางเว็บไซต์ (รวมถึงแชทบอท),
แอปพลิเคชัน, โทรศัพท์ (รวมถึงการโทรไปยังศูนย์จอง), สาขาหน้าร้าน, ในยานพาหนะที่เช่า
และอุปกรณ์ (ODO มิเตอร์, ฟังก์ชั่น GPS, บัตร ETC, กล้องบันทึกการขับขี่, ระบบนำทางรถยนต์, DCM เป็นต้น)
(1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมในขณะทำการจองและเช่ารถ
ชื่อ, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์, ที่อยู่, วันเดือนปีเกิด, ประเภทใบอนุญาตขับขี่และประเทศที่ออกเอกสาร,
ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต, ข้อมูลรถที่ใช้
(รุ่นรถ, หมายเลขตัวถัง, วัตถุประสงค์การใช้, ระยะเวลาเช่า เป็นต้น)
(2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากการใช้รถเช่า ผ่านการตรวจสอบจากยานพาหนะและอุปกรณ์ต่างๆ
(ODO มิเตอร์, ฟังก์ชั่น GPS, บัตร ETC, กล้องบันทึกการขับขี่, ระบบนำทางรถยนต์, DCM เป็นต้น)
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระยะทางที่ขับขี่, ข้อมูล GPS, ข้อมูลที่บันทึกในชิป IC ของบัตร ETC (เฉพาะกรณีที่ผู้ใช้เช่าบัตร ETC),
ข้อมูลที่บันทึกโดยกล้องบันทึกการขับขี่, ข้อมูลที่บันทึกในระบบนำทางรถยนต์
(ประวัติการค้นหา, จุดที่บันทึกในหน่วยความจำ, ข้อมูลการเชื่อมต่อ Bluetooth เป็นต้น),
ข้อมูลสภาพการขับขี่ (ปริมาณการเหยียบคันเร่ง, ความเร็ว, การเร่งความเร็ว เป็นต้น) ที่เกี่ยวข้องกับสถานะการขับขี่
3 (วัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อกฎหมายที่รองรับ)
บริษัทของเราจะดำเนินการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ตามวัตถุประสงค์การใช้งานดังต่อไปนี้
นอกจากนี้หลักฐานความถูกต้องตามกฎหมายในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
อาจถูกกำหนดภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ
ซึ่งจะระบุไว้ในแต่ละวัตถุประสงค์การใช้งานตามด้านล่างนี้
(1) เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดทำสัญญาเช่ารถ
เพื่อปฏิบัติหน้าที่ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ประกอบการธุรกิจเช่ารถ
- จำเป็นต้องจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ทำกับผู้เช่า
หรือดำเนินการตามคำขอของผู้เช่าก่อนการทำสัญญา (การปฏิบัติตามสัญญา)
(2) เพื่อให้บริการรถเช่าและดำเนินการธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงการตรวจสอบและคัดกรองข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้งาน
- จำเป็นต้องจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ทำกับผู้เช่า
หรือดำเนินการตามคำขอของผู้เช่าก่อนการทำสัญญา (การปฏิบัติตามสัญญา)
(3) เพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์, ประกันภัย, โทรศัพท์มือถือและสินค้าหรือบริการอื่นๆ ที่บริษัทของเราจัดจำหน่าย
รวมถึงการจัดงานหรือแคมเปญต่างๆ โดยการส่งข้อมูลผ่านทางไปรษณีย์หรืออีเมลให้กับผู้ใช้บริการ
- จำเป็นต้องจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัท
ในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการขาย (ผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย)
(4) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของโตโยต้าเรนท์อะคาร์
และพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงความพึงพอใจของผู้ใช้
- จำเป็นต้องจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาลูกค้า
และรับประกันคุณภาพของสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัท (ผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย)
(5) เพื่อดำเนินการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
และบริการของโตโยต้าเรนท์อะคาร์จากผู้ใช้บริการ
- จำเป็นต้องจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาลูกค้าเก่า
และรับประกันคุณภาพของสินค้าและบริการ
ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัท (ผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย)
(6) เพื่อให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้ขับขี่โดยการวิเคราะห์สถานะการขับขี่จากมุมมองด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม
และดำเนินการเตือนให้ระมัดระวังในการขับขี่อย่างปลอดภัย (ต่อไปนี้เรียกว่า "การวินิจฉัยการขับขี่")
- จำเป็นต้องจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัท
ผู้ใช้บริการ และบุคคลที่สามในการให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย (ผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย)
ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อที่ช่องทางติดต่อของบริษัทที่ระบุในข้อ 9 ด้านล่าง
เพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับการประเมินการดำเนินการที่อิงตามผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ เพื่อเตรียมพร้อมในกรณีที่ไม่สามารถพึ่งพาการปฏิบัติตามสัญญา
หรือผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ
ผู้ใช้บริการยินยอมในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์การใช้ดังกล่าวข้างต้น
4 (การให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม)
ผู้ใช้บริการยินยอมให้บริษัทจัดหาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่ผู้รับข้อมูลดังต่อไปนี้
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้ดังกล่าว โดยอาจมีสถานที่ตั้งของผู้รับข้อมูลอยู่นอกประเทศที่ผู้ใช้บริการอาศัยอยู่
ผู้ใช้บริการสามารถขอให้บริษัทยุติการให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สามได้
แต่ขึ้นอยู่กับข้อมูลส่วนบุคคลที่ขอให้ยุติ อาจทำให้ไม่สามารถใช้บริการบางอย่างที่บริษัทให้ได้
(1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการให้บริการ: ข้อมูลเกี่ยวกับการเช่ารถยนต์
เช่น ประเภทของรถที่ใช้ วัตถุประสงค์การใช้งาน
วันที่และเวลาที่เริ่มการเช่า รวมถึงชื่อและที่อยู่ของผู้ใช้บริการ
(2) ผู้รับข้อมูลและวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูล:
ผู้รับข้อมูล
|
วัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลของผู้รับข้อมูล
|
ประเทศที่ตั้งของผู้ให้ข้อมูล
|
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น
|
เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการต่างๆ แก่ผู้เช่า หรือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขาย
|
ญี่ปุ่น
|
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และบุคคลที่ได้ทำสัญญา การให้ข้อมูลกับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น
|
เพื่อพิจารณามาตรการเพิ่มเติมในการวางแผนและพัฒนาสินค้าและบริการ
หรือเพื่อยกระดับความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ โดยการดำเนินการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
|
ญี่ปุ่น
|
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และร้านเช่าโตโยต้าเรนท์อะคาร์
|
เพื่อวางแผนมาตรการในการอำนวยความสะดวกในการทำสัญญาเช่า
และเพื่อให้ผู้ใช้บริการพึงพอใจ รวมถึงการจัดระเบียบระบบทั้งหมดของแฟรนไชส์
เพื่อให้บริการสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องตามผลการตรวจสอบการขับขี่
เพื่อการวิจัยและพัฒนาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง โดยการวิเคราะห์ผลการตรวจสอบการขับขี่
และนำเสนอในรูปแบบบทความภายนอกบริษัท (โดยจะใช้เฉพาะข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อไม่ให้สามารถระบุตัวบุคคลได้)
|
ญี่ปุ่น
|
บริษัทผู้ดำเนินการทางด่วนที่ผู้ใช้ได้ใช้บริการ
(ตามที่กำหนดไว้ในบทที่ 4 ข้อ 14 วรรค 4 ของสัญญาการเช่ารถโตโยต้าเรนท์อะคาร์)
|
เพื่อการสอบถามและการจัดการการเรียกเก็บเงิน เกี่ยวกับการไม่ชำระค่าผ่านทางของผู้ใช้บริการ
|
ญี่ปุ่น
|
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น
และบริษัทบัตรเครดิตที่ผู้เช่าใช้ (ต่อไปนี้เรียกว่า "บริษัทบัตรเครดิต")
|
เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการชำระเงินทั่วไปด้วยบัตรเครดิต
(รวมถึงการนำ “3D Secure” มาใช้เพื่อตรวจจับและป้องกันการใช้งานบัตรเครดิตโดยมิชอบ
และตอบคำถามจากบริษัทบัตรเครดิตเกี่ยวกับประวัติการใช้งานบัตรเครดิต
และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานที่ต้องสงสัยว่าเป็นใช้โดยมิชอบ)
|
ญี่ปุ่นและประเทศที่ตั้งบริษัทบัตรเครดิตแต่ละแห่ง
|
5 (ระยะเวลาในการเก็บรักษา)
บริษัทจะไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเกินระยะเวลา
สำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลนั้นๆ
โดยหลักการแล้ว บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเป็นระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่เก็บข้อมูล
หากเนื่องจากเหตุผลทางเทคนิคที่ไม่สามารถลบข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลจากระบบของบริษัทได้อย่างสมบูรณ์
บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการต่อไป
6 (สิทธิของผู้ใช้บริการ)
ผู้ใช้บริการมีสิทธิทางกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทของเราดูแล
สิทธิเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ใช้บังคับกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ แต่โดยทั่วไปแล้วจะรวมถึงสิทธิที่ระบุด้านล่างนี้
(a) สิทธิในการขอข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
และสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
(b) สิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
หากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์
(c) สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในสถานการณ์บางกรณี
(d) สิทธิในการขอจัดการจำกัดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในสถานการณ์บางกรณี
(e) สิทธิในการรับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
ในรูปแบบที่มีโครงสร้างใช้งานทั่วไป และสามารถอ่านได้ด้วยเครื่องมือ
และ/หรือหากทำได้ในทางเทคนิค ให้ร้องขอให้ส่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยตรงไปยังผู้รับ
(f) ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ หากการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามความยินยอมของผู้ใช้บริการ
ผู้ใช้บริการมีสิทธิในการถอนความยินยอมได้ตลอดเวลา
การถอนความยินยอมของผู้ใช้บริการจะไม่กระทบต่อความถูกต้องตามกฎหมาย
ของการจัดการข้อมูลที่ดำเนินการก่อนที่ผู้ใช้บริการจะทำการถอนความยินยอม
(g) สิทธิในการคัดค้านการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการโดยบริษัทของเรา
ผู้ใช้บริการสามารถใช้สิทธิของตนโดยการติดต่อบริษัท
ตามรายละเอียดที่กำหนดในข้อ 9 ด้านล่างนี้
นอกจากนี้ หากผู้ใช้บริการเชื่อว่าสิทธิของตนถูกละเมิดโดยบริษัท
ผู้ใช้บริการสามารถยื่นคำร้องไปยังหน่วยงานกำกับดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีอำนาจ
7 (มาตการการจัดการความปลอดภัย)
บริษัทของเราจะดำเนินการมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม
เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวม
ซึ่งรวมถึงการป้องกันการรั่วไหล การสูญหาย หรือความเสียหายของข้อมูลส่วนบุคคล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทจะจัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
ตรวจสอบสถานะการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอ
จัดการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอ
ป้องกันการขโมยหรือการสูญหายของอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
และดำเนินการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล นอกจากนี้
บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบและกำกับดูแลผู้รับจ้างและพนักงานที่จัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม
8 (การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ)
เมื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่ 3 ที่อยู่นอกประเทศที่ผู้ใช้อยู่ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่บังคับใช้ที่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ การรับรองอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
(1) ประเทศหรือภูมิภาคที่เป็นปลายทางของการโอนข้อมูล
ได้รับการกำหนดให้เป็นประเทศหรือภูมิภาคที่มีการปกป้องสิทธิ
และเสรีภาพของผู้ใช้บริการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับในระดับที่เพียงพอ
(2) บุคคลที่ 3 ได้ทำสัญญากับบริษัทของเรา
เกี่ยวกับการโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ
9 (ข้อมูลติดต่อของบริษัทที่เป็นผู้ดูแล)
ข้อมูลติดต่อของบริษัทที่เป็นผู้ดูแลมีดังนี้ หากผู้ใช้มีคำถามเกี่ยวกับนโยบายนี้
สิทธิของผู้ใช้บริการ หรือเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โปรดติดต่อศูนย์คุ้มครองข้อมูลของบริษัทเรา
ข้อมูลติดต่อศูนย์คุ้มครองข้อมูลสามารถสอบถามได้ที่
เว็บไซต์นโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทหรือเจ้าหน้าที่ประจำสาขา
บทที่ 1 : บททั่วไป
ข้อ 1 (การบังคับใช้สัญญา)
- บริษัทให้ “ผู้เช่า” ทำการเช่ารถเช่า (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า "รถยนต์ที่เช่า") ตามข้อกำหนดในสัญญาฉบับนี้ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า "สัญญา") และข้อบังคับโดยละเอียด และ "ผู้เช่า" ทำการเช่าโดยได้เข้าใจ "สัญญา" และข้อบังคับโดยละเอียดแล้ว ทั้งนี้ เรื่องที่ไม่ได้กำหนดไว้ใน "สัญญา" และข้อบังคับโดยละเอียดจะถูกดำเนินการตามกฎหมายและข้อกำหนดหรือประเพณีปฏิบัติทั่วไป
- บริษัทอาจยอมรับสัญญาพิเศษถ้าหากว่าสัญญานั้นไม่ละเมิด “สัญญา” และข้อบังคับโดยละเอียด กฎหมายและข้อกำหนดและประเพณีปฏิบัติทั่วไป หากมีการทำสัญญาพิเศษให้สัญญาพิเศษนี้ทดแทนและเข้าแทนที่ “สัญญา” และข้อบังคับโดยละเอียด
บทที่ 2 : การจอง
ข้อ 2 (การสมัครเพื่อทำการจอง)
- สำหรับการเช่า “รถยนต์ที่เช่า” “ผู้เช่า” จะต้องทำการสมัครเพื่อทำการจองและตกลงตามตารางอัตราที่กำหนดโดยบริษัทและระบุล่วงหน้าถึงชนิดและประเภทของรถยนต์ที่ใช้, วัตถุประสงค์ในการใช้, วันและเวลาในการเริ่มเช่า, สถานที่ในการเช่า, ระยะเวลาในการเช่า, สถานที่ในการส่งคืนรถ, ผู้ขับขี่, ความจำเป็นของเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรืออุปกรณ์อื่นๆ และ เงื่อนไขอื่นๆ สำหรับการเช่า (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “เงื่อนไขการเช่า” )
- เมื่อได้รับใบสมัครเพื่อทำการจองจาก “ผู้เช่า” บริษัทจะยอมรับการจองดังกล่าวภายในขอบเขตของ “รถยนต์ที่เช่า” ที่บริษัทเป็นเจ้าของและเงื่อนไขการเช่าต่างๆที่ได้รับอนุมัติในหลักการโดยบริษัทในกรณีดังกล่าว “ผู้เช่า” จะต้องชำระค่าสมัครให้กับบริษัทสำหรับการจองตามที่บริษัทกำหนดยกเว้นกรณีที่ได้รับการยกเว้นจากบริษัท
ข้อ 3 (การเปลี่ยนแปลงการจอง)
ในการเปลี่ยนแปลง “เงื่อนไขการเช่า” ใดๆ “ผู้เช่า” จะต้องได้รับความยินยอมจากบริษัทก่อน
ข้อ 4 (การยกเลิกการจอง)
- “ผู้เช่า” และบริษัทจะสรุปสัญญาเช่ารถยนต์สำหรับ “รถยนต์ที่เช่า” ภายในวันที่และเวลาเริ่มต้นของการเช่าที่กำหนดไว้ในข้อ 2 วรรค 1
- “ผู้เช่า” และบริษัทอาจจะยกเลิกการจองตามวิธีการที่กำหนดโดยบริษัทหากสัญญาเช่าของ “รถยนต์ที่เช่า” (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “สัญญาเช่า”) ยังไม่ได้รับการลงนามภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากเวลาเริ่มต้นของระยะเวลาการเช่า การจองจะถือว่าถูกยกเลิกไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดๆก็ตาม
- หากการจองถูกยกเลิกเนื่องจากสาเหตุของ “ผู้เช่า” “ผู้เช่า” จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการยกเลิกการจองตามที่บริษัทได้กำหนดให้กับบริษัทและบริษัทจะดำเนินการคืนเงินค่าสมัครเพื่อทำการจองให้กับ “ผู้เช่า” ในเวลาเดียวกันที่ได้รับค่าธรรมเนียมการยกเลิกการจอง
- หากการจองถูกยกเลิกเนื่องจากสาเหตุของบริษัท บริษัทจะจ่ายเบี้ยปรับตามที่บริษัทได้กำหนดให้กับ “ผู้เช่า” นอกเหนือจากการคืนเงินค่าสมัครเพื่อทำการจองที่บริษัทได้รับมาจาก “ผู้เช่า”
- หากไม่สามารถสรุป “สัญญาเช่า” ได้เนื่องจากสาเหตุอื่นๆที่นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในวรรค 2 ข้างต้น การจองจะถือว่าถูกยกเลิกในกรณีดังกล่าวบริษัทจะคืนเงินค่าสมัครเพื่อทำการจองที่ได้รับให้กับ “ผู้เช่า”
- “ผู้เช่า” และบริษัทจะไม่ทำการเรียกร้องใดๆระหว่างกันในเรื่องที่เกี่ยวกับการยกเลิกการจองหรือความล้มเหลวในการสรุป “สัญญาเช่า” ยกเว้นตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้อนี้และข้อถัดไป
ข้อ 5 (รถยนต์ที่เช่าทดแทน)
- หากบริษัทไม่สามารถที่จะจัดหา “รถยนต์ที่เช่า” ที่ตรงตามเงื่อนไขที่จองโดย “ผู้เช่า” เช่น ชนิดและประเภทของรถยนต์, อุปกรณ์เสริม, รถยนต์ที่มีการสูบบุหรี่หรือไม่มีการสูบบุหรี่, รายละเอียดทางเทคนิคของรถยนต์ ฯลฯ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “เงื่อนไข” ) บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ “ผู้เช่า” ทราบในทันที
- ในกรณีของวรรคก่อนหากบริษัทสามารถจัดหา “รถยนต์ที่เช่า” ได้ตาม “เงื่อนไข” อื่นๆ นอกเหนือจากเงื่อนไขที่ได้จองไว้บริษัทอาจดำเนินการเสนอให้เช่า “รถยนต์ที่เช่า” ให้กับ “ผู้เช่า” ภายใต้ “เงื่อนไข” ที่แตกต่างกัน (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “รถยนต์ที่เช่าทดแทน” ) โดยไม่คำนึงถึงวรรค 4 และวรรค 5 ในข้อก่อนหน้านี้
- หาก “ผู้เช่า” ยอมรับข้อเสนอในวรรคก่อน บริษัทจะดำเนินการให้เช่า “รถยนต์ที่เช่าทดแทน” ภายใต้เงื่อนไขการเช่าเดียวกันกับเงื่อนไขที่มีผลบังคับใช้ในเวลาการจอง ยกเว้นกรณีไม่สามารถทำตามเงื่อนไขดังกล่าวเหล่านั้นได้ ในกรณีดังกล่าว “ผู้เช่า” จะต้องชำระอัตราค่าเช่าของ “รถยนต์ที่เช่าทดแทน” หรือ อัตราค่าเช่าของ “รถยนต์ที่เช่า” ที่ได้จอง ขึ้นอยู่กับว่าจำนวนใดจะต่ำกว่า
- หาก “ผู้เช่า” ปฏิเสธข้อเสนอในวรรค 2 จะถือว่าการจองถูกยกเลิกและวรรค 5 ข้างต้น จะมีผลบังคับใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับค่าสมัครเพื่อการจอง ฯลฯ
ข้อ 6 (ตัวแทนสำหรับบริการรับจอง)
- “ผู้เช่า” อาจสมัครเพื่อทำการจองได้ที่ศูนย์การจองโตโยต้าเรนท์อะคาร์, ตัวแทนท่องเที่ยว, บริษัทที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ตัวแทน”) ซึ่งให้บริการรับจองในนามของบริษัท
- หากยื่นใบสมัครกับ “ตัวแทน” ที่ระบุในวรรคก่อนหน้า คำร้องขอในการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการจองจะต้องดำเนินการผ่าน “ตัวแทน” ที่ดำเนินการสมัครเพื่อทำการจองดังกล่าว
บทที่ 3 : การเช่ารถยนต์
ข้อ 7 (การสรุปสัญญาเช่า)
- “ผู้เช่า” และบริษัทจะสรุป “สัญญาเช่า” กับ “ผู้เช่า” โดย “ผู้เช่า” เป็นผู้ระบุเงื่อนไขที่จะเช่าและบริษัทเป็นผู้ระบุ ”เงื่อนไขการเช่า” ตาม “สัญญา” ตารางอัตรา ฯลฯ
- ในการสรุป “สัญญาเช่า” ที่ “ผู้ขับขี่” จะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ของ “ผู้ขับขี่” ที่กำหนดไว้ใน “สัญญา” และข้อบังคับโดยละเอียด
- จากข้อ 2 (10) และ (11) ของคำแนะนำพื้นฐานเกี่ยวกับรถยนต์ที่เช่าในการสรุป “สัญญาเช่า” บริษัทจะร้องขอให้ “ผู้เช่า” แสดงใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของ “ผู้ขับขี่” ที่ได้รับมอบหมายจาก “ผู้เช่า” หรือสำเนาใบอนุญาตขับขี่ หากบริษัทเห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อที่จะใส่ชื่อที่อยู่ประเภทของใบอนุญาตขับขี่และหมายเลขใบอนุญาตหรือแนบสำเนาใบอนุญาตขับขี่กับทะเบียนการเช่ารถยนต์ (ต้นฉบับใบเสร็จการเช่ารถยนต์) และใบรับรองการเช่าตามที่กำหนดในข้อ 13 ในกรณีดังกล่าวหาก “ผู้เช่า” เป็น “ผู้ขับขี่” “ผู้เช่า” ต้องแสดงใบอนุญาตขับขี่หรือสำเนาให้กับบริษัท หากบริษัทเห็นว่ามีความจำเป็น หาก “ผู้เช่า” ไม่ได้เป็นบุคคลเดียวกันกับ “ผู้ขับขี่” “ผู้เช่า” ต้องให้ “ผู้ขับขี่” แสดงใบอนุญาตขับขี่หรือสำเนาให้กับบริษัทหากบริษัทเห็นว่ามีความจำเป็น
- ในการสรุป “สัญญาเช่า” บริษัทอาจร้องขอให้ “ผู้เช่า” แสดงเอกสารระบุตัวตนอื่นๆนอกเหนือจากใบอนุญาตขับขี่และอาจทำสำเนาเอกสารดังกล่าว
- ในการสรุป “สัญญาเช่า” บริษัทอาจร้องขอให้ “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ให้หมายเลขติดต่อกรณีฉุกเฉินเช่นหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ
- ในการสรุป “สัญญาเช่า” บริษัทอาจกำหนดวิธีการในการชำระเงินที่ “ผู้เช่า” สามารถใช้ได้เช่นบัตรเครดิต, เงินสด ฯลฯ
- หาก “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามวรรค 5 ข้างต้น บริษัทอาจปฏิเสธที่จะสรุป “สัญญาเช่า” หรือยกเลิกการจองของ “ผู้เช่า” ได้ ข้อกำหนดในข้อ 4 วรรค 5 เกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวกับค่าสมัครเพื่อทำการจองจะถูกนำมาใช้ในกรณีดังกล่าว
ข้อ 8 (การปฏิเสธไม่ให้เช่า)
- หากรายการต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับ “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” บริษัทอาจปฏิเสธที่จะสรุป “สัญญาเช่า” หรือยกเลิกการจองของ “ผู้เช่า” ได้ :
(1) หากเขา/เธอ ไม่มีใบอนุญาตขับขี่;
(2) หากเขา/เธอ อยู่ภายใต้อิทธิพลของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์;
(3) หากเขา/เธอ แสดงอาการว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของสิ่งมึนเมาหรือยาเสพติด ฯลฯ;
(4) หากเขา/เธอ มีเด็กอยู่ในรถยนต์โดยที่ไม่มีเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก;
(5) หากเขา/เธอ มีทะเบียนรายชื่ออยู่ในระบบบริหารสนเทศของสมาคมรถเช่าแห่งชาติตามที่ระบุในข้อ 23 (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ระบบสมาคมรถเช่าแห่งชาติ”) หรือมีรายชื่ออยู่ในรายชื่อผู้เช่าที่ต้องเฝ้าระวังที่ใช้ร่วมกันโดยโตโยต้ามอเตอร์คอร์ปอเรชันและโตโยต้าเรนทัลแอนด์ลีสซิ่งสาขาต่างๆ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “รายชื่อผู้เช่าที่ต้องเฝ้าระวัง”);
(6) หากเขา/เธอ ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มดังกล่าวหรือถือว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรต่อต้านสังคมอื่นๆ ;
(7) หากเขา/เธอ กระทำการรุนแรงทั้งทางพฤติกรรม หรือด้วยถ้อยคำรุนแรง หรือสร้างภาระที่เกินขอบเขตอันสมควรให้กับพนักงานหรือบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเกี่ยวกับการทำธุรกรรมกับบริษัท;
(8) หากเขา/เธอ ทำลายความไว้วางใจในบริษัทหรือรบกวนการทำกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทโดยการกระจายข้อมูลที่เป็นเท็จหรือใช้วิธีการฉ้อโกงหรือโดยการบังคับ ;
(9) หากเขา/เธอ กระทำการที่ฝ่าฝืน “สัญญา” และข้อบังคับโดยละเอียด; และ
(10) หากเขา/เธอ กระทำการใดๆที่บริษัทเห็นว่าไม่เหมาะสม
- แม้จะมีบทบัญญัติในวรรคก่อนบริษัทอาจปฏิเสธที่จะสรุป “สัญญาเช่า” หรือยกเลิกการจองของ “ผู้เช่า” ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ :
(1) หากบริษัทไม่มี “รถยนต์ที่เช่า” ว่างสำหรับให้บริการ;
(2) หาก “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ไม่มีเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีที่จะนั่งไปด้วยในรถยนต์
-
ในเรื่องการจัดการเกี่ยวกับค่าสมัครเพื่อทำการจองเมื่อบริษัทได้ปฏิเสธที่จะสรุป “สัญญาเช่า” ตามบทบัญญัติในวรรค 2 ข้างต้นให้นำบทบัญญัติในข้อ 4 วรรค 3 - 6 มาใช้แทน
ข้อ 9 (ความสำเร็จของสัญญาเช่า)
- “สัญญาเช่า” จะมีผลบังคับใช้เมื่อ “ผู้เช่า” ได้ลงนามใน “สัญญาเช่า” และบริษัทได้ส่งมอบ “รถยนต์ที่เช่า” (รวมถึงอุปกรณ์เสริม : จะถูกนำมาใช้บังคับเช่นเดียวกันต่อจากนี้) ให้กับ “ผู้เช่า” ในกรณีนี้ค่าสมัครเพื่อทำการจองที่ชำระแล้วจะถูกนำไปคิดคำนวณเป็นส่วนหนึ่งของอัตราค่าเช่า
- การส่งมอบ “รถยนต์ที่เช่า” ที่กล่าวถึงในวรรคก่อนจะมีขึ้นในสถานที่และวันที่และเวลาเริ่มต้นของการเช่าที่กำหนดในข้อ 2
ข้อ 10 (อัตราค่าเช่า)
- เมื่อการทำ “สัญญาเช่า” เสร็จสมบูรณ์ “ผู้เช่า” จะต้องชำระค่าเช่าตามอัตราที่ระบุไว้ในวรรคถัดไปให้กับบริษัท
- อัตราค่าเช่าจะต้องเป็นยอดรวมของจำนวนต่อไปนี้และบริษัทจะแสดงแต่ละจำนวนหรือจำนวนการอ้างอิงที่สอดคล้องกันในตารางอัตรา :
(1) อัตราขั้นพื้นฐาน (2) อัตราหักค่าชดเชย (3) อัตราอุปกรณ์พิเศษ (4) อัตราเที่ยวเดียว (5) อัตราน้ำมันเชื้อเพลิง (6) อัตราการกำหนดและรับส่งรถยนต์ (7) อัตราค่าบริการอื่นๆ
- อัตราขั้นพื้นฐานจะเป็นอัตราที่ได้แจ้งไว้กับหัวหน้าสำนักงานขนส่งท้องถิ่น, ผู้อำนวยการกองการขนส่งทางบกของเฮียวโกของการบริหารจัดการขนส่งของโกเบ, หรือผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งทางบกของสำนักงานทั่วไปของโอกินาวาซึ่งมีผลบังคับใช้ในเวลาของการเช่า “รถยนต์ที่เช่า”
- หากบริษัทมีการปรับอัตราค่าเช่าหลังจากเสร็จสิ้นการจองตามที่กำหนดไว้ในข้อ 2 “ผู้เช่า” จะชำระค่าเช่าในอัตราที่ต่ำกว่าระหว่างอัตราค่าเช่าที่มีผลบังคับใช้ในเวลาที่ทำการจองเสร็จสิ้นและอัตราค่าเช่าในเวลาของการเช่า
ข้อ 11 (การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่จะเช่า)
เมื่อจะทำการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่จะเช่าตามที่ระบุไว้ในข้อ 7 หลังจากที่ได้ทำการสรุป “สัญญาเช่า” แล้ว “ผู้เช่า” จะต้องได้รับความยินยอมจากบริษัทก่อน
ข้อ 12 (การตรวจสอบและบำรุงรักษา)
-
บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 47-2 (การตรวจสอบและบำรุงรักษารายวัน) และมาตรา 48 (การตรวจสอบและบำรุงรักษาตามปกติ) ของกฎหมายยานพาหนะขนส่งทางถนนและจะดำเนินการให้เช่า “รถยนต์ที่เช่า” ที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
- ในการเช่า “รถยนต์ที่เช่า” “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ยืนยันว่า “รถยนต์ที่เช่า” ตรงตามเงื่อนไขที่จะเช่าโดยการตรวจสอบลักษณะภายนอกของรถและอุปกรณ์เสริมตามแผ่นตรวจสอบที่ระบุไว้แยกจากกันและยืนยันว่ารถยนต์มีการบำรุงรักษาที่ดี
ข้อ 13 (การออกและถือครองใบรับรองการเช่า)
-
เมื่อ “รถยนต์ที่เช่า” ถูกส่งมอบให้กับ “ผู้เช่า” บริษัทจะออกใบรับรองการเช่าให้กับ “ผู้เช่า” โดยมีเนื้อหาตามที่กำหนดโดยหัวหน้าสำนักงานขนส่งท้องถิ่น, ผู้อำนวยการกองการขนส่งทางบกของเฮียวโกของการบริหารจัดการขนส่งของโกเบ, หรือผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งทางบกของสำนักงานทั่วไปของโอกินาวาด้วยเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร (ซึ่งรวมถึงวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น อีเมล ฯลฯ)
- ในระหว่างการใช้งาน “รถยนต์ที่เช่า” “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะต้องพกพา (ซึ่งรวมถึงการพกพาด้วยบันทึกทางอิเล็กทรอนิกส์) ใบรับรองการเช่าที่ออกให้ตามความในวรรคก่อน
- หาก “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ทำใบรับรองการเช่าสูญหาย เขา/เธอจะต้องแจ้งบริษัทให้ทราบในทันทีถึงการสูญหายของใบรับรองดังกล่าว
บทที่4:การใช้รถยนต์
ข้อ 14 (ความรับผิดชอบในการจัดการของผู้เช่า)
- “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะใช้และดูแลรักษา “รถยนต์ที่เช่า” เสมือนเป็นผู้จัดการที่เหมาะสมตั้งแต่เวลาที่ได้รับมอบ “รถยนต์ที่เช่า” จนถึงเวลาที่ส่งมอบกลับคืนให้กับบริษัท (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ในช่วงระยะเวลาในการใช้งาน” )
- เมื่อใช้ “รถยนต์ที่เช่า” “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนด, “สัญญา”, ข้อบังคับโดยละเอียด, คู่มือการใช้งานและคำแนะนำอื่นๆในการใช้งานที่นำเสนอโดยบริษัท
- เมื่อ "ผู้เช่า" หรือ "ผู้ขับขี่" ได้ใช้เส้นทางซึ่งมีค่าใช้จ่าย เช่น ทางด่วน ฯลฯ, ที่จอดรถซึ่งมีค่าใช้จ่าย หรือบริการที่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ระหว่างที่ใช้รถยนต์ "ผู้เช่า" หรือ "ผู้ขับขี่" ต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระค่าบริการเหล่านั้น ฯลฯ ให้กับผู้ให้บริการที่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวด้วยตนเอง
- หาก "ผู้เช่า" หรือ "ผู้ขับขี่" ได้ใช้ระบบ ETC และบริษัทที่บริหารเส้นทางซึ่งมีค่าใช้จ่าย (ทางด่วน) ฯลฯ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า "บริษัทที่บริหารเส้นทางซึ่งมีค่าใช้จ่าย (ทางด่วน) ฯลฯ") ได้ติดต่อสอบถาม ฯลฯ เข้ามาทางบริษัทเกี่ยวกับค่าบริการเส้นทางซึ่งมีค่าใช้จ่าย ฯลฯ ซึ่ง “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ยังไม่ได้ชำระ บริษัทจะสามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ให้กับบริษัทที่บริหารเส้นทางซึ่งมีค่าใช้จ่าย (ทางด่วน) ฯลฯ ได้โดยถือว่า “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้
ข้อ 15 (การตรวจสอบและบำรุงรักษารายวัน)
“ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ต้องดำเนินการตรวจสอบและบำรุงรักษารายวันตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 47 - 2 (การตรวจสอบและบำรุงรักษารายวัน) ของกฎหมายยานพาหนะขนส่งทางถนนโดยทำการตรวจสอบ “รถยนต์ที่เช่า” เป็นประจำทุกวันก่อนที่จะเริ่มใช้งาน “ในช่วงระยะเวลาในการใช้งาน”
ข้อ 16 (การกระทำที่ต้องห้าม)
- “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะต้องไม่กระทำการดังต่อไปนี้ “ในช่วงระยะเวลาในการใช้งาน” :
(1) ใช้รถยนต์ที่เช่าสำหรับธุรกิจบริการขนส่งรถยนต์หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆที่คล้ายคลึงกันโดยไม่ได้รับความยินยอมและการอนุมัติจากบริษัท ฯลฯ ตามกฎหมายการขนส่งทางถนน;
(2) ใช้ “รถยนต์ที่เช่า” เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือขับ “รถยนต์ที่เช่า” โดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ “ผู้ขับขี่” ที่กำหนดไว้ในข้อ 7;
(3) ให้เช่าช่วง “รถยนต์ที่เช่า” ให้บุคคลที่สามใช้หรือกระทำการอื่นๆเช่นนำ “รถยนต์ที่เช่า” ไปใช้เป็นหลักประกัน;
(4) ปลอมแปลงหมายเลขทะเบียนรถยนต์ของ “รถยนต์ที่เช่า” หรือเปลี่ยนแปลงสภาพเดิมของ “รถยนต์ที่เช่า” โดยการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนโฉมใหม่;
(5) ใช้ “รถยนต์ที่เช่า” สำหรับการทดสอบหรือการแข่งขันประเภทใดๆ (รวมถึงกิจกรรมใดๆที่ถือว่าเป็น “การแข่งขัน” โดยบริษัท) หรือในการลากจูงหรือผลักดันยานพาหนะอื่นๆโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท;
(6) ใช้ “รถยนต์ที่เช่า” ในการละเมิดกฎหมายและข้อกำหนดหรือความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสาธารณะและศีลธรรม;
(7) ยกเลิกประกันอุบัติเหตุสำหรับ “รถยนต์ที่เช่า” โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท;
(8) นำ “รถยนต์ที่เช่า” ออกนอกประเทศญี่ปุ่น; หรือ
(9) กระทำการอื่นใดที่เป็นการละเมิดเงื่อนไขในการจะเช่าหรือ “เงื่อนไขการเช่า” ที่กำหนดไว้ในข้อ 7
ข้อ 17 (การจอดรถที่ผิดกฎหมาย)
- หาก “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จอด “รถยนต์ที่เช่า” ผิดกฎหมายซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายจราจร เขา/เธอจะรายงานให้ตำรวจที่มีอำนาจในเขตพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทราบในทันทีหลังจากที่จอดรถผิดกฎหมาย (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า“ตำรวจในพื้นที่”) และจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายค่าปรับเช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการลากจูง, การจัดเก็บและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎจราจร (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า“การจัดการการละเมิด”)
- เมื่อได้รับการแจ้งเรื่องการจอดรถที่ผิดกฎหมายของ “รถยนต์ที่เช่า” จากตำรวจ บริษัทจะแจ้งให้ “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ทราบและสั่งให้เขา/เธอ ทำการโยกย้าย “รถยนต์ที่เช่า” ในทันทีและรายงานให้ตำรวจในพื้นที่ให้ดำเนินการจัดการกับการละเมิดกฎก่อนที่จะหมดอายุระยะเวลาการเช่าหรือตามเวลาที่ได้รับคำสั่งจากบริษัทและ “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้หาก “รถยนต์ที่เช่า” ได้รับการโยกย้ายโดยตำรวจบริษัทอาจไปรับ “รถยนต์ที่เช่า” จากตำรวจเองทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท
- หลังจากที่ให้คำสั่งตามวรรคก่อนบริษัทจะยืนยันสถานะของการจัดการการละเมิดผ่านการแจ้งให้ทราบถึงการละเมิดกฎจราจรและแจ้งการชำระเงิน/ใบเสร็จรับเงิน ฯลฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท; และหากการละเมิดยังไม่ได้รับการจัดการบริษัทจะให้คำสั่งตามวรรคก่อนซ้ำหลายครั้งกับ “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จนกว่าการละเมิดจะได้รับการจัดการเรียบร้อย หาก “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งในวรรคก่อน บริษัทอาจยกเลิกสัญญาเช่าในทันทีโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือเรียกร้องและร้องขอให้ “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” ส่งคืน “รถยนต์ที่เช่า” กลับในทันที “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะลงนามในเอกสารที่บริษัทกำหนดโดยเขา/เธอจะยอมรับข้อเท็จจริงในการจอดรถผิดกฎหมาย และเขา/เธอจะรายงานแจ้งตำรวจและปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายสำหรับผู้ฝ่าฝืน (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “จดหมายรับทราบ”)
- แม้จะมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการรักษาข้อมูลส่วนตัวที่อ้างถึงในตอนต้นของ “สัญญา” “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ตกลงที่จะส่งเอกสารต่างๆให้กับคณะกรรมาธิการความปลอดภัยสาธารณะเช่นจดหมายคำอธิบายตามที่กำหนดในมาตรา 51 - 4 วรรค 6 ของกฎหมายการจราจร, “จดหมายรับทราบ” และใบรับรองการเช่าและจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยการส่งเอกสารต่างๆที่มีข้อมูลส่วนตัวให้กับตำรวจเช่น “จดหมายรับทราบ” และใบรับรองการเช่า หากบริษัทเห็นว่ามีความจำเป็น
- หาก “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ยังดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการการละเมิดไม่เสร็จเรียบร้อยเมื่อถึงเวลาที่ต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าคืนและหากบริษัทต้องมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการค้นหา “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” หรือรถยนต์ที่เช่า (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ค่าใช้จ่ายในการค้นหา”) หรือหากบริษัทต้องมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการลากจูง, การจัดเก็บและการมารับรถยนต์ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ค่าใช้จ่ายในการจัดการยานพาหนะ”) กรณีนี้ “ผู้เช่า” จะต้องชำระค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ให้กับบริษัทภายในวันที่ครบกำหนดซึ่งจะกำหนดโดยบริษัท:
(1) จำนวนเงินที่สอดคล้องกับค่าปรับสำหรับการจอดรถผิดกฎหมาย
(2) เบี้ยปรับสำหรับการจอดรถผิดกฎหมายซึ่งจะถูกกำหนดไว้ที่ "การจอดรถที่ผิดกฎหมาย"ใน (https://rent.toyota.co.jp/global_th/drive/parking.html) ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “เบี้ยปรับและค่าปรับสำหรับการจอดรถผิดกฎหมาย” พร้อมกับจำนวนเงินที่สอดคล้องกับค่าปรับสำหรับการจอดรถผิดกฎหมายใน (1) ด้านบน
(3) ค่าใช้จ่ายในการค้นหาและค่าใช้จ่ายในการจัดการยานพาหนะ
- หลังจาก “ผู้เช่า” ได้ชำระค่าปรับสำหรับการจอดรถผิดกฎหมายกล่าวตามบทบัญญัติของวรรคก่อนให้กับบริษัทแล้ว และหากบริษัทได้รับเงินค่าปรับสำหรับการจอดรถผิดกฎหมายคืน เนื่องจากได้มีการชำระค่าปรับสำหรับจอดรถผิดกฎหมายดังกล่าวแล้ว หรือมีการฟ้องร้องหรือคดีความถูกนำขึ้นพิจารณาในศาลครอบครัว บริษัทจะคืนเบี้ยปรับและค่าปรับสำหรับการจอดรถผิดกฎหมายดังกล่าวให้กับ “ผู้เช่า”
- เมื่อบริษัทได้รับคำสั่งให้ชำระค่าปรับสำหรับการจอดรถผิดกฎหมายตามวรรคก่อน หรือเมื่อ "ผู้เช่า" ไม่ชำระเงินที่ถูกเรียกเก็บเต็มจำนวนซึ่งกำหนดไว้ในวรรคเดียวกันภายในวันที่ทางบริษัทกำหนด บริษัทจะดำเนินมาตรการ เช่น บันทึกชื่อ,วันเดือนปีเกิด และหมายเลขใบอนุญาตขับขี่ ฯลฯ ลงในระบบสมาคมรถเช่าแห่งชาติ ฯลฯ โดยถือว่า “ผู้เช่า” ยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้
ข้อ 18 (ระบบ GPS)
- ในบางกรณี อาจมีการติดตั้งระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ระบบ GPS”) ไว้ที่รถยนต์ที่เช่า “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” ยินยอมให้ทำการบันทึกข้อมูลตำแหน่งปัจจุบัน เส้นทางที่สัญจร ฯลฯ ของรถยนต์ที่เช่าลงในระบบที่กำหนดโดยบริษัท และยินยอมให้บริษัทใช้ข้อมูลที่ได้ทำการบันทึกดังกล่าวนั้น สำหรับวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ :
(1) เพื่อตรวจสอบว่าได้ส่งคืนรถยนต์ที่เช่าไว้ที่สถานที่ที่กำหนดแล้ว ในตอนที่สัญญาเช่าสิ้นสุดลง
(2) เพื่อตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบันของรถยนต์ที่เช่า ตามที่ได้ระบุไว้ในรายการใดรายการหนึ่งของวรรค 1 ในข้อ 24 และกรณีอื่นๆที่เห็นว่ามีความจำเป็นต่อการจัดการรถยนต์ที่เช่าหรือเพื่อให้มีการปฏิบัติตามสัญญาเช่า ฯลฯ
(3) เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ทางการตลาดเพื่อพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการที่มอบให้แก่ “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” และเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
- จะถือว่า “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” ตกลงยินยอมที่จะให้ข้อมูลที่บันทึกไว้ในวรรคก่อนให้แก่โตโยต้า มอเตอร์ส ในรูปแบบที่ได้ดัดแปลงจนไม่สามารถระบุ หรือเจาะจงบุคคลที่เป็น“ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” และให้โตโยต้า มอเตอร์ส นำข้อมูลที่บันทึกไปใช้เพื่อค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีในการสร้างระบบคมนาคม และการสร้างแผนที่
- หากบริษัทถูกขอให้เปิดเผยข้อมูลตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือได้รับคำสั่งหรือมีการร้องขอจากศาล หน่วยงานราชการ องค์การมหาชนอื่นๆ ให้เปิดเผยข้อมูลซึ่งได้บันทึกไว้ด้วยระบบ GPS ในวรรค 1 “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” จะยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลนี้เท่าที่จำเป็น
ข้อ 19 (กล้องติดรถยนต์)
- ในบางกรณี อาจมีการติดตั้งกล้องติดรถยนต์ไว้ที่รถยนต์ที่เช่า “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” ยินยอมให้ทำการบันทึกสถานการณ์การขับรถของ “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” และยินยอมให้บริษัทใช้ข้อมูลที่ได้ทำการบันทึกดังกล่าวนั้น สำหรับวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ :
(1) เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
(2) เพื่อตรวจสอบสถานการณ์การขับรถของ “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” ในกรณีที่เห็นว่ามีความจำเป็นต่อการจัดการรถยนต์ที่เช่าหรือเพื่อให้มีการปฏิบัติตามสัญญาเช่า ฯลฯ
(3) เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ทางการตลาดเพื่อพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการที่มอบให้แก่ “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” และเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
- จะถือว่า “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” ตกลงยินยอมที่จะให้ข้อมูลที่บันทึกไว้ในวรรคก่อนให้แก่โตโยต้า มอเตอร์ส ในรูปแบบที่ได้ดัดแปลงจนไม่สามารถระบุ หรือเจาะจงบุคคลที่เป็น“ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” และให้โตโยต้า มอเตอร์ส นำข้อมูลที่บันทึกไปใช้เพื่อค้นคว้าพัฒนาการขับขี่อัตโนมัติ เทคโนโลยีในการเดินหน้าอย่างปลอดภัยและการสร้างแผนที่
- หากบริษัทถูกขอให้เปิดเผยข้อมูลตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือได้รับคำสั่งหรือมีการร้องขอจากศาล หน่วยงานราชการ องค์การมหาชนอื่นๆ ให้เปิดเผยข้อมูลซึ่งได้บันทึกไว้ด้วยกล้องติดรถยนต์ในวรรค 1 “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” จะยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลนี้เท่าที่จำเป็น
ข้อ 20 (บริการเช่าบัตร ETC)
หาก "ผู้เช่า" และ "ผู้ขับขี่" จะใช้บริการเช่าบัตร ETC จะต้องใช้บริการโดยทำการตกลงเรื่องที่ระบุด้านล่างนี้
(1) ค่าผ่านทางทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาการใช้งานจะได้รับการคำนวณตามข้อมูลที่บันทึกไว้ในชิปวงจรภายในบัตร ETC เมื่อส่งคืนรถยนต์ที่เช่า
*การปรับยอดค่าธรรมเนียมและส่วนลดต่างๆ บางส่วนอาจไม่มีการบันทึกลงในชิปวงจร
(การปรับยอดค่าธรรมเนียมการเชื่อมต่อเส้นทางซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนเส้นทางและส่วนลด ETC สำหรับผู้ให้บริการบางราย)
(2) หากพบในภายหลังว่ามีค่าผ่านทางที่ยังไม่ชำระ ยอดดังกล่าวจะถูกคำนวณเป็นค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ในกรณีต่อไปนี้
- หากพบค่าธรรมเนียมการใช้งานที่ไม่มีการรายงาน
- หากไม่สามารถตรวจสอบบันทึกการเดินทางหรือค่าผ่านทางได้เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับบัตร ETC หรือเครื่องปรับยอดค่าธรรมเนียม
- หากส่งคืนรถให้กับสาขาโตโยต้าเรนท์อะลีสโดยไม่สามารถตรวจสอบบันทึกการเดินทางได้ด้วยเหตุผลบางประการ
(3) หากบัตร ETC สูญหายหรือถูกขโมย ฯลฯ "ผู้เช่า" และ "ผู้ขับขี่" จะต้องติดต่อบริษัท รวมถึง "ผู้เช่า" และ "ผู้ขับขี่" จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับบริษัทสำหรับความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้งานผิดวัตถุประสงค์โดยบุคคลอื่น ฯลฯ หลังจากที่บัตรสูญหายหรือถูกขโมย
(4) "ผู้เช่า" และ "ผู้ขับขี่" เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการปัญหาใดๆ ที่ถือเป็นความผิดพลาด ฯลฯ ของ "ผู้เช่า" และ "ผู้ขับขี่" และบริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ (อย่างไรก็ตามไม่รวมปัญหาที่ระบุได้ว่าเป็นผลมาจากอุบัติเหตุจราจร)
(5) "ผู้เช่า" และ "ผู้ขับขี่" ไม่สามารถให้บุคคลอื่นยืมบัตร ETC ได้
(6) หาก "ผู้เช่า" และ "ผู้ขับขี่" ไม่ส่งคืนรถยนต์ที่เช่าและบัตร ETC เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเช่าตามที่ได้วางแผนไว้ "ผู้เช่า" และ "ผู้ขับขี่" ยินยอมให้บริษัทขอให้ผู้ให้บริการระงับการใช้งานบัตร ETC ที่เช่าไป
(7) หากผู้ให้บริการร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บัตร ETC (แม้ว่าจะสิ้นสุดการเช่าแล้ว) โตโยต้าเรนท์อะคาร์จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ตามคำร้องขอ รวมถึงชื่อ ที่อยู่ และข้อมูลติดต่อ
บทที่ 5 : การส่งคืนรถยนต์
ข้อ 21 (ความรับผิดชอบของผู้เช่าในการส่งคืนรถยนต์)
- “ผู้เช่า” จะต้องส่งคืน “รถยนต์ที่เช่า” กลับให้กับบริษัทในสถานที่ที่กำหนดให้ส่งคืนภายในวันหมดอายุระยะเวลาเช่า
- หาก “ผู้เช่า” ไม่สามารถที่จะส่งคืน “รถยนต์ที่เช่า” ภายในระยะเวลาเช่าอันเนื่องมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัยขา/เธอจะต้องแจ้งให้บริษัททราบโดยไม่ชักช้าและปฏิบัติตามคำสั่งของบริษัท
ข้อ 22 (การตรวจสอบรถยนต์ที่เช่า)
- “ผู้เช่า” จะส่งคืน “รถยนต์ที่เช่า” ต่อหน้าบริษัทโดยให้อยู่ในสภาพเช่นเดียวกับเมื่อเวลาที่ถูกส่งมอบยกเว้นการเสื่อมสภาพและการสึกหรออันเนื่องมาจากการใช้งานตามปกติของ “รถยนต์ที่เช่า” หรือการชำรุดที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจาก"ผู้เช่า" หรือ "ผู้ขับขี่"
- ก่อนที่จะส่งคืน “รถยนต์ที่เช่า” “ผู้เช่า” ยืนยันว่าจะไม่มีสิ่งของส่วนตัวของ “ผู้เช่า” “ผู้ขับขี่” หรือผู้โดยสารตกค้างอยู่ภายใน “รถยนต์ที่เช่า” บริษัทจะไม่มีภาระผูกพันใดๆในการดูแลสิ่งของส่วนตัวหลังจากที่ “รถยนต์ที่เช่า” ได้ถูกส่งคืนกลับให้บริษัทแล้ว
ข้อ 23 (เวลาในการส่งคืนรถยนต์ที่เช่า)
- หากระยะเวลาการเช่าถูกขยายออกไปตามข้อ 11 “ผู้เช่า” จะต้องจ่ายอัตราค่าเช่าที่สอดคล้องกับระยะเวลาการเช่าภายหลังการเปลี่ยนแปลงหรือจ่ายอัตราค่าเช่ารวมก่อนการเปลี่ยนแปลงและอัตราสำหรับระยะเวลาการเช่าเพิ่มเติมแล้วแต่ว่าจำนวนใดจะต่ำกว่า
- หาก “ผู้เช่า” ส่งคืน “รถยนต์ที่เช่า” หลังจากเปลี่ยนระยะเวลาการเช่าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทตามที่กำหนดในข้อ 11 เขา/เธอจะต้องจ่ายเบี้ยปรับเท่ากับสองเท่าของอัตราที่สอดคล้องกับชั่วโมงเพิ่มเติมของระยะเวลาเช่านอกเหนือไปจากอัตราที่กำหนดในวรรคก่อน
ข้อ 24 (สถานที่ส่งมอบคืนรถของเร้นท์อะคาร์)
- หาก “ผู้เช่า” เปลี่ยนสถานที่ที่กำหนดในการส่งคืนตามข้อ 11 เขา/เธอจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการส่งต่อรถยนต์ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ค่าใช้จ่ายในการส่งต่อ”)
- หาก “ผู้เช่า” ส่งคืน “รถยนต์ที่เช่า” ไปยังสถานที่อื่นที่ไม่ใช่สถานที่ที่กำหนดในการส่งคืนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทตามที่กำหนดในข้อ 11 เขา/เธอจะต้องจ่ายเบี้ยปรับเท่ากับสองเท่าของ “ค่าใช้จ่ายในการส่งต่อ”
ข้อ 25 (มาตรการที่ต้องดำเนินการหากไม่ได้รับรถยนต์ที่เช่าคืน)
- หากเงื่อนไขใดๆ ต่อไปนี้สามารถใช้ได้กับ “ผู้เช่า” บริษัทจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อยืนยันตำแหน่งที่ตั้งของ “รถยนต์ที่เช่า” โดยการใช้ระบบ GPS พร้อมทั้ง จัดส่งรายงานความเสียหายของรถยนต์ที่ไม่ได้รับคืนให้กับสมาคมรถเช่าแห่งชาติ หรือบันทึกข้อมูลลงในระบบสมาคมรถเช่าแห่งชาติ ฯลฯ นอกเหนือจากการดำเนินการตามกฎหมาย เช่น การยื่นฟ้องคดีทางอาญากับ “ผู้เช่า” โดยถือว่า “ผู้เช่า” ยินยอมให้ดำเนินมาตรการดังกล่าวได้
(1) หาก “ผู้เช่า” ไม่ตอบสนองต่อการร้องขอของบริษัทในการส่งคืน “รถยนต์ที่เช่า” แม้ว่าหลังจากระยะเวลาการเช่าได้สิ้นสุดลงแล้ว; และ
(2) หากพิจารณาแล้วว่า “รถยนต์ที่เช่า” ไม่สามารถส่งคืนได้เนื่องจากไม่ทราบที่อยู่ของ “ผู้เช่า”
- หากเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งของวรรคก่อนสามารถใช้ได้ “ผู้เช่า” จะชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดในการค้นหา “ผู้เช่า” และมารับ “รถยนต์ที่เช่า”ให้กับบริษัท
ข้อ 26 (ข้อตกลงในการลงทะเบียนและการใช้ข้อมูลการเช่า)
- แม้จะมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการรักษาข้อมูลส่วนตัวที่อ้างถึงในตอนต้นของ “สัญญา” หากเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งสามารถใช้ได้กับ “ผู้เช่า” จะยินยอมให้ลงทะเบียนข้อมูลที่ตรงไปตรงมาบนพื้นฐานของความเป็นจริงของการเช่า รวมถึงชื่อ,วันเดือนปีเกิด และหมายเลขใบอนุญาตขับขี่ ฯลฯ ของ“ผู้เช่า” (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ข้อมูลการเช่า”) ในระบบของสมาคมรถเช่าแห่งชาติและรายชื่อผู้เช่าที่ต้องเฝ้าระวังสำหรับระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี
(1) หาก “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ไม่สามารถจ่ายเบี้ยปรับและค่าปรับสำหรับการจอดรถผิดกฎหมายที่ระบุไว้ในข้อ 17 วรรค 5 ให้กับบริษัทได้ภายในวันที่ครบกำหนดซึ่งกำหนดโดยบริษัท; และ
(2) หากรายการใดรายการหนึ่งของวรรค 1 ในข้อก่อนหน้านี้สามารถใช้ได้
- แม้จะมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการรักษาข้อมูลส่วนตัวที่อ้างถึงในตอนต้นของ “สัญญา” “ผู้เช่า” ตกลงยินยอมในเรื่องดังต่อไปนี้:
(1) ข้อมูลการเช่าที่ลงทะเบียนกับระบบสมาคมรถเช่าแห่งชาติจะถูกใช้โดยสมาคมรถเช่าแห่งชาติและสมาชิกของสมาคมรถเช่าแห่งชาติในแต่ละจังหวัดเช่นเดียวกับบริษัทสมาชิกต่างๆ
(2) ข้อมูลการเช่าที่ลงทะเบียนกับรายชื่อผู้เช่าที่ต้องเฝ้าระวังจะถูกใช้โดยโตโยต้ามอเตอร์คอร์ปอเรชันและโตโยต้าเรนทัลแอนด์ลีสซิ่งสาขาต่างๆ
บทที่ 6 : มาตรการต่างๆในกรณีที่มีการชำรุดเสียหายเกิดอุบัติเหตุหรือถูกโจรกรรม
ข้อ 27 (การชำรุดเสียหายของรถยนต์ที่เช่า)
หากมีการชำรุดเสียหายของ “รถยนต์ที่เช่า” หรือปัญหาอื่นๆที่เกิดขึ้น “ในช่วงระยะเวลาในการใช้งาน” “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะหยุดการใช้งานรถยนต์ในทันทีแจ้งให้บริษัททราบและปฏิบัติตามคำสั่งของบริษัท
ข้อ 28 (อุบัติเหตุ)
- หากมีอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับ “รถยนต์ที่เช่า” เกิดขึ้น “ในช่วงระยะเวลาในการใช้งาน” “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะหยุดการใช้งานรถยนต์ในทันทีและดำเนินการตามมาตรการดังต่อไปนี้นอกเหนือไปจากมาตรการที่จำเป็นตามกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงความรุนแรงของอุบัติเหตุ:
(1) รายงานรายละเอียดของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นให้บริษัททราบในทันทีและปฏิบัติตามคำสั่งของบริษัท;
(2) หาก “รถยนต์ที่เช่า” ต้องได้รับการซ่อมแซมตามคำสั่งในรายการก่อนหน้านี้ ให้ดำเนินการนำรถยนต์เข้าซ่อมที่สาขาของบริษัทหรือสาขาที่กำหนดให้ โดยบริษัทยกเว้นกรณีที่ได้รับอนุมัติจากบริษัท
(3) ให้ความร่วมมือกับบริษัทและบริษัทประกันภัยที่ทำสัญญากับบริษัทในการตรวจสอบการเกิดอุบัติเหตุและยื่นเอกสารทั้งหมดที่ร้องขอโดยบริษัทและบริษัทประกันภัย โดยทันที
(4) ต้องได้รับความยินยอมจากบริษัทก่อนจะดำเนินการตกลงหาข้อยุติหรือข้อตกลงอื่นๆกับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ
- นอกเหนือไปจากเรื่องที่ระบุไว้ในวรรคก่อน “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะจัดการและระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับอุบัติเหตุบนความรับผิดชอบของตน
- บริษัทจะให้คำแนะนำกับ “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” เกี่ยวกับการจัดการอุบัติเหตุและจะให้ความร่วมมือในการระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับอุบัติเหตุ
- สำหรับรถยนต์ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์บันทึกการขับขี่หรืออุปกรณ์บันทึกอุบัติเหตุสำหรับรถยนต์ หรือทั้งสองอย่างไว้แล้ว บริษัทจะบันทึกสถานการณ์ในตอนที่เกิดการกระทบกระเทือน หรือมีการเบรคกระทันหันเกิดขึ้น ฯลฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ
- บริษัทจะดำเนินมาตรการ เช่น ทำการตรวจสอบข้อมูลที่บันทึกตามที่ระบุในวรรคก่อน ในกรณีที่เห็นว่ามีความจำเป็น
ข้อ 29 (การโจรกรรม)
หาก “รถยนต์ที่เช่า” ถูกโจรกรรมหรือได้รับความเสียหาย “ในช่วงระยะเวลาในการใช้งาน” “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะต้องดำเนินการตามมาตรการต่อไปนี้:
(1) รายงานเรื่องไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดโดยทันที
(2) รายงานสภาพความเสียหายของรถยนต์ให้กับบริษัทโดยทันทีและปฏิบัติตามคำสั่งของบริษัท
(3) ให้ความร่วมมือกับบริษัทและบริษัทประกันภัยที่ทำสัญญากับบริษัทในการสืบสวนการขโมย/ความเสียหาย และ ยื่นเอกสารทั้งหมดที่ร้องขอโดยบริษัทและบริษัทประกันภัยโดยไม่ชักช้า
ข้อ 30 (การยกเลิกสัญญาเช่าเนื่องจากรถยนต์ไม่สามารถใช้ได้)
- หาก “รถยนต์ที่เช่า” ใช้ไม่ได้ในช่วงระยะเวลาการเช่าเนื่องจากการชำรุดเสียหายเกิดอุบัติเหตุถูกโจรกรรมหรือปัญหาอื่นๆ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า“การชำรุดเสียหายหรือปัญหาอื่นๆ“) สัญญาเช่าจะสิ้นสุดลง
- ในกรณีของวรรคก่อน “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการมารับและการซ่อมแซม “รถยนต์ที่เช่า” ในขณะที่บริษัทจะไม่คืนค่าเช่าที่ได้รับก่อนหน้านี้ โดยมีเงื่อนไขว่า “การชำรุดเสียหายหรือปัญหาอื่นๆ” ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดที่ระบุไว้ในวรรค 3 หรือ วรรค 5
- หาก “การชำรุดเสียหายหรือปัญหาอื่นๆ” เกิดจากข้อบกพร่องที่มีอยู่ก่อนที่รถยนต์จะถูกเช่า ซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการเช่ารถ “ผู้เช่า” อาจจะได้รับการเสนอ “รถยนต์ที่เช่าทดแทน” จากบริษัท ให้ใช้ข้อ 5 วรรค 3 บังคับโดยอนุโลมกับเงื่อนไขของบทบัญญัติของ “รถยนต์ที่เช่าทดแทน”
- หาก “ผู้เช่า” ไม่ได้รับการเสนอ “รถยนต์ที่เช่าทดแทน” ที่กล่าวถึงในวรรคก่อนบริษัทจะคืนเงินค่าเช่าที่ได้รับก่อนหน้านี้เต็มจำนวนให้กับ “ผู้เช่า” มีการบังคับใช้เช่นเดียวกันเมื่อไม่สามารถนำเสนอ “รถยนต์ที่เช่าทดแทน” ให้ได้
- หากไม่สามารถระบุสาเหตุ “การชำรุดเสียหายหรือปัญหาอื่นๆ” ว่ามาจาก “ผู้เช่า” "ผู้ขับขี่" หรือบริษัท บริษัทจะคืนเงินที่เหลือจากการเช่าที่ได้รับก่อนหน้านี้ให้กับ “ผู้เช่า” โดยหักจำนวนของอัตราค่าเช่าสำหรับระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นการเช่าไปจนถึงสิ้นสุด “สัญญาเช่า”
- ยกเว้นสำหรับมาตรการตามที่บัญญัติไว้ในข้อนี้ “ผู้เช่า” และ “ผู้ขับขี่” ไม่อาจทำการเรียกร้องใดๆกับบริษัทได้ ยกเว้นในกรณีที่กำหนดไว้ในข้อนี้ในเรื่องเกี่ยวกับความเสียหายใดๆที่เกิดจากการไม่สามารถที่จะใช้ “รถยนต์ที่เช่า” ได้
บทที่ 7 : การชดใช้ค่าเสียหายและค่าชดเชย
ข้อ 31 (การชดใช้ค่าเสียหายและค่าชดเชยสำหรับธุรกิจโดยผู้เช่า)
- หาก “ผู้เช่า”หรือ “ผู้ขับขี่” ได้ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆกับรถเช่าของบริษัท (รวมถึงรถยนต์ที่เช่าทดแทน ตามข้อบังคับมาตราที่ 37) ในช่วงระยะเวลาของการใช้รถเช่าที่ยืมไป "ผู้เช่า"จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท จะยกเว้นในกรณีที่ไม่สามารถระบุว่าเป็นเหตุผลที่เกิดจาก "ผู้เช่า" หรือ "ผู้ขับขี่"
- หากความเสียหายที่ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย ดังที่กล่าวถึงในวรรคก่อนเกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุหรือการโจรกรรมและส่งผลให้บริษัทไม่สามารถที่จะใช้ “รถยนต์ที่เช่า” ได้เพราะการชำรุดเสียหายเนื่องจากเหตุผลอันเนื่องมาจาก “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” หรือเพราะ “รถยนต์ที่เช่า” มีรอยตำหนิหรือมีกลิ่นเหม็น ผู้เช่าจะต้องจ่ายค่าความเสียหายดังกล่าวตามที่ระบุไว้ในตารางอัตรา
- ในระหว่างที่ใช้รถยนต์ที่เช่าไป (รวมถึงรถยนต์ที่เช่าทดแทนตามข้อบังคับมาตราที่ 37) จะถือว่า"ผู้เช่า" หรือ "ผู้ขับขี่" จะต้องชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากความประมาทหรือความเลินเล่อของ"ผู้เช่า" หรือ "ผู้ขับขี่"ให้กับบุคลลที่สาม หรือบริษัท
- แม้จะมีบทบัญญัติในวรรคก่อน “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยความเสียหายใดๆที่เกิดจากภัยพิบัติที่ถูกกำหนดให้เป็นภัยพิบัติใหญ่ตามมาตรา 2 ของพระราชบัญญัติความช่วยเหลือด้านการเงินพิเศษสำหรับภัยพิบัติใหญ่ (กฎหมายเลขที่ 150 ปี ค.ศ. 1962) (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ภัยพิบัติใหญ่”) หากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ“รถยนต์ที่เช่า”ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญหายการชำรุดเสียหายหรือผลกระทบจากเหตุสุดวิสัยในภูมิภาคที่ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ที่ประสบภัยพิบัติ เว้นแต่เป็นความเสียหายที่เกิดจากความประมาทเลินเล่อร้ายแรงของ"ผู้เช่า" หรือ "ผู้ขับขี่"
ข้อ 32 (การประกันภัย)
- หาก “ผู้เช่า” ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นตาม “สัญญา” และข้อบังคับโดยละเอียด และรวมถึงกรณีที่"ผู้ขับขี่" ต้องรับผิดชอบชดใช้ตามมาตรา 3 ในวรรคก่อน เงินประกันสูงสุดถึงวงเงินดังต่อไปนี้จะถูกจ่ายให้กับเขา/เธอตามกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุที่สรุปโดยบริษัทสำหรับ “รถยนต์ที่เช่า” ทั้งนี้ การจ่ายเงินประกันดังกล่าวไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การยกเว้นในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย
(1) ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายส่วนบุคคล: ไม่จำกัดต่อคน (รวมถึงประกันภัยความรับผิดภาคบังคับของรถยนต์)
(2) ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายต่อทรัพย์สิน: ไม่จำกัด (ค่าความเสียหายส่วนแรก 50,000 เยน ต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง)
(3) ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายต่อรถยนต์: สูงสุดตามมูลค่าตลาด (ค่าความเสียหายส่วนแรก 50,000 เยน แต่ 100,000 เยนสำหรับรถโดยสาร/รถบรรทุกขนาดใหญ่)
(4) ค่าสินไหมทดแทนความบาดเจ็บส่วนบุคคล: สูงสุดไม่เกิน 30,000,000 เยน ต่อคน
- “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของความเสียหายที่เงินประกันจะไม่จ่ายหรือความเสียหายที่เกินจำนวนเงินประกันที่จะจ่ายตามบทบัญญัติในวรรคก่อน
- ในกรณีที่บริษัทมีการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายของความเสียหายที่ต้องรับผิดชอบโดย “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” ตามบทบัญญัติในวรรคก่อน “ผู้เช่า”หรือ “ผู้ขับขี่” จะจ่ายเงินคืนให้กับบริษัทโดยทันทีสำหรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว
- ค่าใช้จ่ายของความเสียหายที่สอดคล้องกับค่าความเสียหายส่วนแรกของเงินประกันที่ระบุไว้ในวรรค 1 จะต้องรับผิดชอบโดยบริษัทหาก “ผู้เช่า” ได้จ่ายเงินค่าความเสียหายส่วนแรกให้กับบริษัทล่วงหน้าแล้ว; จะต้องรับผิดชอบโดย “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” หากเขา/เธอยังไม่ได้ชำระค่าความเสียหายส่วนแรกไว้
- จำนวนเงินที่เท่ากับเบี้ยประกันสำหรับกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุที่กำหนดในวรรค 1 จะถูกรวมอยู่ในอัตราค่าเช่า
บทที่ 8 : การยกเลิก
ข้อ 33 (การยกเลิกสัญญาเช่า)
หาก “ผู้เช่า” ละเมิด “สัญญา” และข้อบังคับโดยละเอียดในช่วงระยะเวลาการเช่า บริษัทอาจยกเลิก “สัญญาเช่า” โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือออกหมายเรียกและร้องขอให้ส่งคืน “รถยนต์ที่เช่า” กลับในทันที ในกรณีดังกล่าว บริษัทจะคืนเงินที่เหลือจากค่าเช่าที่ได้รับก่อนหน้านี้ให้กับ “ผู้เช่า” โดยหักจำนวนของอัตราค่าเช่าสำหรับระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นการเช่าไปจนถึงสิ้นสุดการเช่า และค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดจากการยกเลิกสัญญา
ข้อ 34 (การยกเลิกโดยสมัครใจ)
- “ผู้เช่า” สามารถยกเลิก “สัญญาเช่า” แม้อยู่ในช่วงระยะเวลาการเช่าได้โดยได้รับความยินยอมจากบริษัท ในกรณีดังกล่าวบริษัท จะคืนเงินที่เหลือจากค่าเช่าที่ได้รับก่อนหน้านี้ให้กับ “ผู้เช่า” หลังจากที่หักอัตราค่าเช่าสำหรับระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นการเช่าไปจนถึงการส่งคืนกับค่าธรรมเนียมการยกเลิกแล้ว
- เมื่อ “สัญญาเช่า” ถูกยกเลิกตามที่อธิบายไว้ในวรรคก่อน “ผู้เช่า” จะชำระเงินค่าธรรมเนียมการยกเลิกต่อไปนี้ให้กับบริษัท : ค่าธรรมเนียมการยกเลิก = { (อัตราขั้นพื้นฐานสำหรับระยะเวลาการเช่าที่กำหนด) - (อัตราขั้นพื้นฐานสำหรับระยะเวลาตั้งแต่วันเริ่มต้นของการเช่าจนถึงการส่งคืนรถยนต์) } × 50%
- แม้จะได้กำหนดไว้แล้วในข้อที่แล้ว แต่ในกรณีที่ “ผู้เช่า” ได้ทำ “สัญญาเช่า” จากการจองผ่านตัวแทนท่องเที่ยว ค่าธรรมเนียมการยกเลิกจะเป็นจำนวนเงินที่หัก "อัตราค่าเช่าสำหรับระยะเวลาตั้งแต่วันเริ่มต้นของการเช่าจนถึงการส่งคืนรถยนต์" จาก "อัตราค่าเช่าสำหรับระยะเวลาการเช่าที่กำหนด" หรือ 5,500 เยน แล้วแต่มูลค่าใดจะต่ำกว่า
บทที่ 9 : บทเบ็ดเตล็ด
ข้อ 35 (การหักล้างภาระผูกพันร่วม)
หากบริษัทมีภาระผูกพันทางการเงินกับ “ผู้เช่า” ตาม “สัญญา” และข้อบังคับโดยละเอียดบริษัทอาจหักล้างภาระผูกพันทางการเงินดังกล่าวออกจากภาระผูกพันทางการเงินที่ “ผู้เช่า” มีต่อบริษัทได้
ข้อ 36 (ภาษีมูลค่าเพิ่ม)
“ผู้เช่า” จะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (รวมถึงภาษีบำรุงท้องที่) ที่มีการเรียกเก็บจากการทำธุรกรรมภายใต้ “สัญญา” และข้อบังคับโดยละเอียดให้กับบริษัท
ข้อ 37 (ค่าปรับในการชำระเงินล่าช้า)
หาก “ผู้เช่า” หรือ “ผู้ขับขี่” และบริษัทมีการเพิกเฉยหรือละเลยในการดำเนินการตามภาระผูกพันทางการเงินภายใต้ “สัญญา” และข้อบังคับโดยละเอียด ฝ่ายนั้นจะต้องจ่ายค่าปรับในการชำระเงินล่าช้าให้กับอีกฝ่ายในอัตราดอกเบี้ย 14.6% ต่อปี
ข้อ 38 (ตัวแทนเช่า)
หาก “รถยนต์ที่เช่า” ถูกเช่าจากบริษัทอื่นในนามของบริษัท (บริษัทดังกล่าวซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ตัวแทนเช่า”) คำว่า “บริษัท” ที่ใช้ใน “สัญญา” จะถูกแทนที่ด้วย “ตัวแทนเช่า” แต่ไม่รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ “การจัดการข้อมูลส่วนตัว” ข้อ12, ข้อ16, ข้อ 26 -28 (แต่หมายเลขติดต่อในกรณีของการชำรุดเสียหาย อุบัติเหตุ โจรกรรม ฯลฯ จะเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทและ “ตัวแทนเช่า”) และ ข้อ 39
ข้อ 39 (กฎหมายที่ใช้บังคับ)
- กฎหมายที่ใช้บังคับคือกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น
- ในกรณีที่มีข้อความขัดแย้งกันระหว่างสัญญาภาษาญี่ปุ่นและสัญญาในภาษาอื่นๆเช่นสัญญาภาษาอังกฤษให้ยึดฉบับภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก
ข้อ 40 (ให้ข้อมูลในเรื่องที่สำคัญ)
- บริษัทได้นำเสนอข้อมูลต่างๆ ของหัวข้อสำคัญจาก"สัญญา" และข้อบังคับโดยละเอียด ได้แก่
รายละเอียดการรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายและการรับผิดชอบชดเชยค่าเสียโอกาสทางการค้า, รายละเอียดและเงื่อนไขของระบบประกันและการชดเชยของทางบริษัท, มาตรการที่ "ผู้เช่า" ควรดำเนินการเวลาที่รถเกิดการขัดข้องเสียหาย, อุบัติเหตุ หรือถูกขโมย, มาตรการสำหรับกรณีที่จอดรถโดยฝ่าฝืนกฎหมาย, มาตรการสำหรับกรณีที่ส่งคืนรถล่าช้า ฯลฯ ในรูปแบบที่ชัดเจนและเรียบง่ายให้กับ "ผู้เช่า" ก่อนให้เช่ายืมรถแล้ว
- "ผู้เช่า" ได้ทำความเข้าใจรายละเอียดของ "สัญญา" และข้อบังคับโดยละเอียดเป็นอย่างดีแล้ว
ข้อ 41 (การแสดงสัญญาและข้อบังคับโดยละเอียด)
บริษัทจะแสดงข้อบังคับและอื่น ๆ ให้แก่ “ผู้เช่า” ด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
① แสดงไว้ในสำนักงานขายของบริษัทให้สาธารณชนเห็นได้ง่าย (รวมถึงแสดงในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น จอดิสเพลย์)
② แสดงบนเว็บไซต์และอื่น ๆ ให้เห็นได้ง่าย
③ แสดงเป็นลายลักษณ์อักษร (รวมถึงวิธีการทางระบบคอมพิวเตอร์ เช่น อีเมล)
รวมทั้งให้รายละเอียดของข้อบังคับและอื่น ๆ ให้กับ “ผู้เช่า” จากแผ่นพับ ตารางอัตรา และอื่น ๆ ที่ออกโดยบริษัท และมีการบังคับใช้เช่นเดียวกันเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของ “สัญญา”
ข้อ 42 (ศาลที่มีเขตอำนาจ)
หากมีข้อพิพาทใดๆเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตาม “สัญญา” และข้อบังคับโดยละเอียด ศาลที่มีเขตอำนาจในเขตที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทจะเป็นศาลที่่มีอำนาจเด็ดขาดในการวินิจฉัยและตัดสินเกี่ยวกับสัญญาฉบับนี้
ข้อกำหนดเพิ่มเติมและเงื่อนไขจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2025